โมเมนตัมที่จะส่งให้ราคาหุ้นวิ่งไปได้เรื่อยๆ ได้แก่
– การขยายการลงทุนใหม่ที่จะนำพาให้ผลการดำเนินงานเติบโตมากกว่าเดิม
– การปรับโครงสร้างทางการเงินโดยการเขย่าสมการ สินทรัพย์ หนี้สิน และทุน ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้น
– การเปลี่ยนโครงสร้างผู้บริหารใหม่ที่สร้างความหวังว่าจะนำพากิจการไปได้ดีกว่าจุดปัจจุบันที่เป็นอยู่
สิ่งเหล่านี้คือ พลังที่จะคอยส่งให้ราคาหุ้นวิ่งไปข้างหน้าที่เราๆ ท่านๆ เรียกว่า หุ้นมี STORY ซึ่งเป็นเสมือนพลังงานที่คอยส่งหรือกระตุ้นให้ราคาหุ้นวิ่ง บางทีจะเรียกว่า ตัวเร่ง ลักษณะดังกล่าวจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความหวัง ความฝัน เพื่อนำเรื่องราวเหล่านั้นมาขับดันราคาหุ้น หรือ มารองรับราคาหุ้น งานนี้สุดแล้วแต่ว่า ณ จุดนั้น ราคาหุ้นเป็นอย่างไร กล่าวคือ ถ้าราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาสูงแล้ว ตัวเร่งหรือตัวกระตุ้นเหล่านั้นก็เป็นเพียงท่าไม้ตายที่เจ้ามือต้องการออกของ โดยที่ใครก็ตามที่ท่องมาว่าหุ้นที่มีตัวเร่งจะทำให้ราคาหุ้นวิ่งนั้นขอให้ระลึกไว้เสมอว่าอาจเป็นแค่ฉากหนึ่งที่นำมาอ้างเพื่อเตรียมที่จะปล่อยของก็เป็นได้ เหตุก็เนื่องจาก เจ้ามือนั้นเข้าซื้อตอนราคาต่ำ แต่ถ้าในทางตรงข้ามที่ราคาหุ้นอยู่ต่ำเตี้ยติดดิน ตัวกระตุ้นเหล่านั้นก็อาจเป็นต้นเทรนด์ก็เป็นได้
เอาล่ะ..คราวนี้เรามาดูตัวเร่งที่มีประสิทธิภาพสูงกันครับว่า ตัวเร่งนั้นคืออะไรกัน..
#ผลงานของกิจการจะถูกแสดงออกมาในรูปประสิทธิภาพการทำกำไร
กำไรนี่แหละคือ ตัวเร่งที่มีประสิทธิภาพสูง โดยมีข้อแม้ว่า กำไรนั้นจะต้องเป็นกำไรจากการดำเนินงานอย่างแท้จริงไม่ใช่กำไรพิเศษจากกระบวนการทางการเงิน และกำไรสุทธินี้นี่เองเมื่อนำจำนวนหุ้นไปหารก็จะได้ค่าออกมาที่เรียกว่า กำไรสุทธิต่อหุ้น หรือ EPS นั่นเอง ต่อไปนี้จะขอเรียกว่า E ก็แล้วกัน
E ที่ส่งผลต่อราคาหุ้นจะต้องมีคุณสมบัติดังนี้..
1. ค่า E ไตรมาสปัจจุบันต้องมากกว่าไตรมาสที่ผ่านมาและมากกว่าไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว
2. ค่า E ล่าสุดสองถึงสามไตรมาส มีค่ามากกว่าในลักษณะเป็นขั้นบันได กล่าวคือ ค่า E จะเรียงลำดับขึ้นมาเรื่อยๆ จากน้อยไปหามาก จากไตรมาสก่อนหน้ามาถึงปัจจุบัน
3. ค่า E ในงวดสิ้นปีที่จะถึงจะต้องมีค่ามากกว่าค่า E ในรอบ 5 ปี ที่ผ่านมา
4. ทิศทางของ E เห็นได้ชัดว่าจะยังคงเติบโตไปในลักษณะขั้นบันไดไปอีกหลายไตรมาส
5. E จะไม่ใช่มาครั้งเดียว แต่จะมีค่ามากขึ้นไปหลายไตรมาส เนื่องจากรอบของกิจการได้มาถึงแล้ว
เมื่อจับหลักได้แล้วว่าราคาหุ้นขึ้นกับ E ที่เป็นโมเมนตัม เราจึงมีความจำเป็นอย่างมากที่ต้องประมาณค่า E คร่าวๆ ว่ามีทิศทางมากขึ้นหรือไม่ ถ้ามากขึ้น นั่นแหละหุ้นที่มีแนวโน้มขาขึ้น ซึ่งเป็นหุ้นที่เราใฝ่หา