โมเมนตัมที่จะส่งให้ราคาหุ้นวิ่งไปได้เรื่อยๆ ได้แก่…
– การขยายการลงทุนใหม่ที่จะนำพาให้ผลการดำเนินงานเติบโตมากกว่าเดิม
– การปรับโครงสร้างทางการเงินโดยการเขย่าสมการ สินทรัพย์ หนี้สิน และทุน ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้น
– การเปลี่ยนโครงสร้างผู้บริหารใหม่ที่สร้างความหวังว่าจะนำพากิจการไปได้ดีกว่าจุดปัจจุบันที่เป็นอยู่
สิ่งเหล่านี้คือ พลังที่จะคอยส่งให้ราคาหุ้นวิ่งไปข้างหน้า ที่เราๆ ท่านๆ เรียกว่า “หุ้นมี STORY” นั่นเอง
.
โมเมนตัมหรือแรงส่งในแง่ปัจจัยพื้นฐานก็ได้อธิบายไปแล้วว่า มันก็คือ STORY ที่เกี่ยวกับความฝัน ความหวังว่าจะเติบโตได้ดีกว่าเดิมไปได้อีกหลายปีและถ้าเป็นจริงขึ้นมาราคาหุ้นก็ทะยานไปข้างหน้าอย่างมีพลัง ในทางตรงข้ามถ้าเป็นเรื่องแหกตาหรือขี้โม้ของCEO ล่ะ งานนี้ก็ต้องบอกว่าเราต้องหาเครื่องมือมาป้องกันซึ่งจะได้กล่าวในตอนต่อๆ ไป แล้วในแง่ทางด้านราคาหุ้นเราสามารถดูได้จากอะไรว่าราคาหุ้นนั้นมันมีโมเมนตัมหรือแรงส่งที่จะพาให้วิ่งไปได้ต่อไป หรือว่าเริ่มอ่อนแรง หรือว่าหมดแรงวิ่งแล้ว เอาล่ะซิ!! ในที่สุดการเล่นหุ้นมันก็หนีไม่พ้นการนำกราฟราคาหุ้นมาช่วยพิจารณา เพราะอะไรนะหรือ…อย่างขงเบ้งเองยังต้องศึกษาวิชาโหราศาสตร์แล้วจับยามสามตาดูความเป็นไปได้จากสถิติจากนั้นก็ทำนายหรือคาดเดาว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ กราฟราคาหุ้นก็เปรียบเสมือนแผนที่นำทางหรือตารางโหราศาสตร์ ถ้าเราสมมุติว่าเราคือคนขับรถไปเที่ยว การพกแผนที่ในการนำทางนั้นอาการหลงทางก็คงจะน้อยลง ในเหตุการณ์หลายต่อหลายครั้ง ขงเบ้งมักจะพิจารณาภูมิประเทศ ป่าเขา ชัยภูมิ และพื้นที่ๆ เกี่ยวข้องจากแผนที่ ก่อนสั่งให้ทหารออกไปรบ เหตุนี้นี่เอง กราฟราคาหุ้นจึงมีความจำเป็นมากทีเดียวในการนำทางไปสู่ความสำเร็จแบบที่ผู้นำอย่าง ขงเบ้ง โจโฉ เล่าปี่ได้ทำและยึดปฏิบัติมา (คราวหน้าจะมาคุยเรื่องกราฟราคาหุ้นกัน)
..
รถที่มีขนาดเครื่องใหญ่ กำลังดี สภาพดี เมื่อเรากดคันเร่ง รถก็จะวิ่งไปข้างหน้าอย่างเต็มพิกัด ถ้าเราผ่อนคันเร่งลงแต่รถก็ยังสามารถวิ่งขึ้นไปข้างหน้าได้แต่ก็ค่อยๆ ช้าลง สาเหตุที่ยังวิ่งไปข้างหน้าได้นั้นก็เพราะแรงเฉื่อย (ตามที่นิวตันได้กล่าวไว้ว่าวัตถุนั้นจะยังคงรักษาสภาพให้สมดุลแบบเดิมเสมอจนกว่าจะมีแรงเข้ามากระทำ จึงจะเปลี่ยนสถานะจากจุดเดิม) เมื่อรถวิ่งไปข้างหน้าด้วยแรงเฉื่อยดังกล่าวและเราก็ผ่อนคันเร่งน้อยลง รถก็จะค่อยๆ ช้าลงเรื่อยๆ จนกระทั่งหยุดนิ่ง
–> ราคาหุ้นที่วิ่งไปข้างหน้าก็เช่นเดียวกัน ถ้าวิ่งไปแล้วแรงส่งอ่อนแรง (ผ่อนคันเร่ง) ความเร็วก็จะลดลง <–
– – – –
>> การวัดแรงส่ง หรือโมเมนตัมว่าราคาหุ้นจะไปต่อหรือชะลอตัวในแง่ปัจจัยพื้นฐาน ได้แก่
1. การขยายการลงทุนที่มีนัยยะสำคัญเช่น จะทำให้รายได้และผลกำไรมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว หรือมากกว่า 1.5 เท่าจากจุดเดิม
2. การเปลี่ยนแปลงของ หนี้สิน หรือ ส่วนทุน ที่จะส่งให้ผลงานของบริษัทออกมาดีกว่าเดิม
3. การควบรวมกิจการ การเข้าซื้อกิจการ
4. ผู้บริหารใหม่ที่มีความสามารถเข้ามาบริหารงาน ทำให้มีความหวังจากภาพลักษณ์ในอดีตที่ท่านประสบความสำเร็จ
5. การปรับโครงสร้างภายในของกิจการเพื่อให้ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างสดใส เช่น การเพิ่มทุน การล้างขาดทุนสะสม การปรับโครงสร้างหนี้ และการออกหุ้นกู้
เหตุการณ์ดังกล่าวทั้ง 5 ข้อนั้น ผมเรียกว่า หุ้นมี STORY หรือจะเรียกว่า หุ้นที่มีโมเมนตัม หรือหุ้นที่มีแรงส่ง หรือหุ้นที่มีตัวเร่ง ทั้งนี้
ก็สุดแล้วแต่ท่านจะเรียกเถิด
– – – –
กล่าวมาค่อนข้างยาว คราวหน้าเรามาคุยในแง่ของราคาหุ้นที่เกี่ยวกับโมเมนตัมกันครับว่าเราจะมีเครื่องมืออะไรมาจับว่าราคาหุ้นนั้นมีแรงส่งกี่มากน้อย ไว้คอยติดตามนะครับ
