ซุนกวนเป็นบุตรคนที่สองของซุนเกี๋ยน และเป็นน้องชายของซุนเซ็ก เมื่อซุนเซ็กพี่ชายตายไป จึงได้ขึ้นครองเมืองกังตั๋งด้วยวัยแค่ 18 ปี ซุนกวนนั้นไม่ได้มีความสามารถในการรบเหมือนผู้พี่หรือนักรบคนอื่นๆ แต่เขามีความสามารถในการปกครองและรู้ว่าตนเองนั้นเหมาะกับงานเช่นไร
..
นโยบายในการทำสงครามของซุนกวนจะไม่ประกาศเป็นศัตรูกับก๊กใหญ่อีก 2 ก๊กนั้นอย่างเต็มที่ แต่จะผูกไมตรีกับทุกก๊กที่จะเป็นประโยชน์กับตัวเอง ดังจะเห็นว่า ซุนกวนเองแม้จะผูกไมตรีกับจ๊กก๊ก แต่ก็หาทางจะกำจัดเล่าปี่อยู่เสมอๆ ถ้ามีโอกาส และซุนกวนเองก็เป็นสาเหตุการตายของกวนอู โดยซุนกวนออกอุบายทำให้จับกวนอูได้ จากนั้นจึงตัดหัวกวนอูส่งไปให้โจโฉ ซึ่งทำให้ทั้งเล่าปี่และเตียวหุยแค้นซุนกวนมาก สุดท้ายทั้งเตียวหุยและเล่าปี่ก็ต้องมา ตายด้วยการมาแก้แค้นให้กวนอูทั้งสิ้น
..
ซุนกวนนั้นมีคุณสมบัติของการเป็นนักการเมืองในการปกครองคน ปกครองขุนพลและเหล่านักปราชญ์ ผสมผสานคนรุ่นเก่า ใหม่ ได้อย่างไร้ที่ติ การที่ยอดแม่ทัพอย่าง จิวยี่ โลซก ลิบอง ลกซุน สามารถนำทัพออกรบแทนซุนกวนได้อย่างอัศจรรย์ ส่วนหนึ่งมาจากการที่ซุนกวนใช้คนอย่างไม่สงสัย มอบอำนาจให้ไปดำเนินการอย่างเต็มที่ ซุนกวนกล้ามอบกระบี่อาญาสิทธิหรือแม้แต่ตราแผ่นดิน อันเป็นเครื่องหมายประจำตัวของเจ้าแผ่นดินให้กับแม่ทัพเหล่านั้นโดยไม่ลังเล
..
ในการปกครองชาติบ้านเมือง สิ่งที่หลีกหนีไม่พ้นคือ “การเมือง” โจโฉ เล่าปี่ มักใช้ “การทหารนำการเมือง” อาศัยกำลังกองทัพในการสร้างชาติ บุกเบิกอาณาจักร รบทัพจับศึกอย่างมิเคยว่างเว้น ต่างจากซุนกวน ซุนกวนใช้ “การเมืองนำการทหาร” เป็นสำคัญ
..
ซุนกวน เป็นผู้นำที่มีหัวคิดทันสมัย ใช้การเมืองสมัยใหม่ในการสร้างชาติได้อย่างโดดเด่น อาทิเช่น
1. ไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวรทางการเมือง มีแต่ผลประโยชน์เท่านั้น เมื่อรับตำแหน่งต่อจาก ซุนเซ็ก สิ่งแรกที่ซุนกวนกระทำคือ ผูกสัมพันธ์กับโจโฉ โจโฉจึงตั้งให้ซุนกวนเป็นขุนพลผู้ครองนครห้อยเข เริ่มก่อร่างสร้างตัวตั้งแต่นั้น แต่ต่อมาก็หันไปจับมือกับเล่าปี่รบกับโจโฉในศึกผาแดง แล้วก็หับไปจับมือกับโจโฉอีกเมื่อจะยึดเกงจิ๋วคืน กลับไปกลับมาอยู่หลายครั้ง ซุนกวนเป็นผู้นำที่พร้อมจะเข้าร่วม-ตีจาก กับใครก็ได้ เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของมาตุภูมิ
2. สรรหานักปราชญ์ ขุนพล แล้วจัดระบบการปกครองที่คานอำนาจกันชัดเจน ในลักษณะ 3 ดุลอำนาจ คือ (1) คณะขุนนางฝ่ายบุ๋น (2) คณะขุนพลฝ่ายบู๊ (3) ตัวซุนกวนเอง ทั้ง 3 ดุลอำนาจนี้ ปรึกษา หารือ และถกเถียงกันเรื่องกิจการบ้านเมืองอยู่บ่อยครั้ง หากบุ๋นบู๊เห็นพ้องกัน ซุนกวนก็เห็นงาม แต่เมื่อบุ๋นบู๊ขัดแย้งกัน ซุนกวนจะเป็นผู้ตัดสินใจ ต่างจากโจโฉ ที่มักเป็นเผด็จการ และต่างจากเล่าปี่ ที่มีขงเบ้งเป็นที่ปรึกษาหลักแต่ผู้เดียว
3. ศาสตร์หน้าด้านใจดำ กล่าวไว้โดยย่อว่า “เล่าปี่หน้าด้าน โจโฉใจดำ ซุนกวนหน้าด้านใจดำเป็นประมาณ” นั่นคือซุนกวนมีความเย็นชาหน้าด้าน และมีความโหดเหี้ยมอำหิตแฝงอยู่ในตัว เป็นวิชาด้านมืดของนักการเมือง ซุนกวนทำผิดแล้วไม่รับ ในกรณีที่ลวงเล่าปี่มาสังหาร แต่เมื่อถูกนางงอก๊กไท่ตำหนิ ซุนกวนก็โยนความผิดให้กับผู้ใต้บังคับบัญชา ตัดศีรษะกวนอูแล้วโยนความผิดไปให้โจโฉ หรือแม้แต่สั่งให้จิวขิมจิวท่ายตัดศีรษะซุนฮูหยิน น้องสาวของตนที่พาเล่าปี่หนี เหล่านี้ล้วนเป็นข้อเสีย แต่สำหรับเกมการเมืองซึ่งเอาความอยู่รอดของชาติบ้านเมืองเป็นตัวตั้ง จึงพอประมาณว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนกระทำด้วยความจำเป็น
ซุนกวน เป็นผู้นำที่แตกต่างจาก โจโฉ เล่าปี่ หรือแม้แต่ซุนเซ็กพี่ชาย อย่างชัดเจน แม้ในบันทึกทางประวัติศาสตร์กล่าวว่า ซุนกวนมีความสามารถทางการทหารอยู่บ้าง เช่นการขี่ม้า ยิงธนู การชอบเข้าป่าล่าสัตว์ โดยเฉพาะ การล่าเสือ แต่กลับไม่เคยนำทัพให้ได้ชัยชนะด้วยตนเองเลย ผลงานสำคัญอย่างศึกผาแดงกับโจโฉนั้นเป็นความชอบของจิวยี่ การยึดเกงจิ๋วจากกวนอูเป็นความหลักแหลมของลิบอง ส่วนการเผาทัพเล่าปี่ที่อิเหลงเป็นปัญญาของลกซุน
ซุนกวนปกครองยอดแม่ทัพเหล่านี้ ด้วยการให้ความไว้วางใจ เขามอบกระบี่อาญาสิทธิให้จิวยี่ ลิบอง ส่งตราแผ่นดินให้กับลกซุน มีอำนาจควบคุมบัญชากองทัพโดยไม่เข้าไปก้าวก่าย เป็นผลทำให้สามารถรักษาแผ่นดินกังตั๋งได้อย่างยาวนาน
แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ ซุนกวนเป็นนักการเมือง …. ปกครองประเทศ ถึงที่สุดแล้ว ก็ไม่มีใครเหมาะสมเท่า “นักการเมือง”
..
ซุนกวนรู้จักตัวเองดีว่าตัวเองไม่ใช่นักรบ ไม่ใช่อัศวิน เข้าจึงมีนโยบายไม่ออกศึกเพื่อขยายอาณาจักรแต่ยังคงยึดมั่นป้องกันตัวเองอย่างเข้มแข็ง นั่นแสดงว่า ณ จุดที่เป็นอยู่ ไม่ว่าจะเป็นกองทหารเรือที่เข้มแข็ง ชัยภูมิที่ดี พื้นที่อุดมสมบูรณ์ ประชาราษฎร์ร่มเย็น ส่วนนี้ซุนกวนเข้าใจดี เขาจึงไม่มีความจำเป็นต้องบุกเพื่อขยายอาณาจักร เพราะสิ่งที่เขาเป็นอยู่นั้นดีที่สุดสำหรับเขาแล้ว
– – – –
บริษัทที่มีความถนัดในสิ่งที่เป็นอยู่ เขาจึงยินยอมขยายหรือเพิ่มในสิ่งที่ตัวเองถนัด เช่น ขยายโรงงานเพิ่ม สั่งซื้อเครื่องจักรมาเพิ่มกำลังการผลิตเพราะรู้มาว่าในอนาคตทิศทางธุรกิจจะเติบโตมากขึ้นจึงเตรียมความพร้อมไว้รับมือกับยอดขายแบบถล่มทลายที่จะเกิดขึ้น ในทางตรงกันข้ามกับที่บริษัทขยายงานไปกับสิ่งที่ตัวเองไม่ถนัด หรือไม่มีประสบการณ์ โอกาสแห่งการไม่ประสบความสำเร็จจึงมักพบเห็นบ่อยครั้ง
– – – –
++ ดีที่สุด ณ จุดที่เป็นนั้นสำคัญมาก แม้กระทั่งหุ้นที่เราจะเล่น เราก็ควรเลือกหุ้นในแนวทางที่เรานั้นรู้ดีที่สุด ชำนาญที่สุด และเราคิดว่าเรานั้นเก่งที่สุด ++
ณ จุดที่เป็นอยู่ดีที่สุดเสมอครับ ซุนกวนนั้นได้แสดงให้เห็นแล้ว